โรคเบาหวานเป็นโรคเรื้อรัง ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและปัสสาวะให้เป็นปกติได้
โรคนี้สามารถถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ไปสู่บุตรหลานได้
สาเหตุ : เกิดจากความผิดปกติของตับอ่อนที่ไม่สามารถผลิตฮอร์โมนอินซูลินให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย ซึ่งเป็นฮอร์โมนอินซูลินเป็นฮอร์โมนที่ช่วยนำพาน้ำตาลเข้าไปในเนื้อเยื่อ เพื่อไปใช้เป็นพลังงาน ในกรณีที่ร่างกายขาดอินซูลิน จะเกิดภาวะน้ำตาลคั่งในเลือด แล้วถูกขับออกมากับปัสสาวะ ทำให้เกิดอาการเบาหวาน
อาการ : ระยะแรกไม่มีอาการบ่งชัด เมื่อเป็นระยะหลัง จะมีอาการชัดเจนคือ
• | ดื่มน้ำบ่อยและมาก | |
• | กินจุแต่ผอมลง | |
• | เป็นแผลหรือฝีง่าย แต่หายยาก | |
• | ตาพล่ามัว | |
• | บุตรคนแรกคลอดน้ำหนักเกิน 4 กิโลกรัม | |
• | ปัสสาวะบ่อยและมาก | |
• | น้ำหนักลด และอ่อนเพลีย | |
• | คันตามผิวหนัง และบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ | |
• | ชาปลายมือปลายเท้า ความรู้สึกทางเพศลดลง |
การรักษา : ต้องควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย และควบคู่กับการรักษาทางยา
1. | อาหาร : อาหารที่รับประทานแบ่งเป็น 3 กลุ่ม | ||
กลุ่มแรก ควรหลีกเลี่ยงไม่ควรรับประทานได้แก่ | |||
• | อาหารที่มีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบโดยตง รวมทั้งน้ำผึ้งด้วย | ||
• | ผลไม้ที่มีรสหวานจัด เช่น ทุเรียน มะม่วงสุก ฯลฯ | ||
• | เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และน้ำอัดลม ฯลฯ | ||
กลุ่มสอง ต้องจำกัดปริมาณ ได้แก่ | |||
• | อาหารประเภทแป้ง เช่น ข้าว ก๋วยเตี๋ยว เผือก มัน ฯลฯ | ||
• | อาหารประเภทไขมัน เช่น มะพร้าว น้ำมันหมู อาหารที่ทอดด้วยน้ำมัน ฯลฯ | ||
• | ผลไม้ที่มีรสหวานอ่อนๆ เช่น ส้ม มะละกอสุก ฯลฯ | ||
กลุ่มสาม รับประทานได้ไม่จำกัด เช่น | |||
• | เนื้อสัตว์ฺที่ไม่มีมัน และปลา | ||
• | เครื่องดื่มที่ไม่มีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบ | ||
• | เครื่องเทศต่างๆ ถั่วต่างๆ | ||
• | ควรกินอาหารที่มีเส้นใยมากๆ เช่น ข้าวซ้อมมือ ผักทุกชนิด เม็ดแมงลัก | ||
2. | ออกกำลังกานสม่ำเสมอ จะเกิดผลดี | ||
• | ทำให้ระดับน้ำตาล ควบคุมได้ดีขึ้นและทำให้การใช้ยากินหรือยาฉีดน้อยลงได้ | ||
• | ทำให้ช่วยลดน้ำหนักตัว | ||
• | ช่วยลดภาวะความดันโลหิตสูง และอัตราเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ | ||
3. | ยา : ควบุคมระดับน้ำตาล ด้วยยารักษาเบาหวานสม่ำเสมอตามแผนการรักษาของแพทย์ |
โรคแทรกซ้อน
1. | พบภาวะความดันโลหิตสูงร่วมด้วย | |
2. | โรคตาจากเบาหวาน เช่น ตามัว ต้อกระจก | |
3. | โรคไตจากเบาหวาน เช่น เกิดไตเสื่อมสมรรถภาพในการขับถ่าย และเกิดไตวายในที่สุด | |
4. | หลอดเลือดสมองตีบ-ตัน ทำให้เป็นอัมพาต กลืนลำบาก พูดไม่ชัด | |
5. | หลอดเลือดหัวใจตีบ-ตัน เกิดกล้ามเนื้อหัวใจตาย | |
6. | กลุ่มโรคเส้นเลือดแดงส่วนปลายเกิดแผลที่เท้าและเน่า มีแผลจะติดเชื้อง่ายรักษายาก | |
7. | เกิดอักเสบจากปลายประสาท ทำให้มีอาการชาปลายมือ ปลายเท้า หมดความรู้สึกทางเพศ |
การปฏิบัติตัว ของผู้ป่วยเบาหวาน
• | ออกกำลังกายสม่ำเสมอทุกวัน เช่น เดิน หรือ วิ่งเหยาะๆ | |
• | รักษาเท้าให้สะอาด อย่าตัดเล็บสั้นเกินไป และอย่าสวมรองเท้าคับเกินไป | |
• | ถ้ามีบาดแผลรีบไปพบแพทย์เพื่อรักษา | |
• | ทำจิตใจให้สบาย ความเครียดหรือกังวลใจมากๆ จะทำให้น้ำตาลถูกขับออกจากตับมาก มีผลให้น้ำตาลในเลือดเพิ่มมากขึ้น |
อันตราย ที่อาจเกิดขึ้นได้ทันที
1. | ภาวะน้ำตาลในเลือดสูงมาก : ผู้ป่วยจะมีอาการกระหายน้ำมาก ปัสสาวะบ่อย เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ใจเต้นแรงเร็ว หายใจหอบลึก มีกลิ่นเหมือนผลไม้สุก ซึม และอาจหมดสติได้ | ||
วิธีแก้ไข | |||
• | รีบพบแพทย์หรือส่งโรงพยาบาลด่วน หากไม่ได้รับการรักษาทันท่วงทีอาจเสียชีวิตได้ | ||
2. | ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ | ||
วิธีแก้ไข | |||
• | เมื่อเริ่มรู้สึกหิว ใจสั่น มือสั่น ให้กินน้ำหวาน หรือน้ำตาล หรือของหวานๆ ทันที | ||
• | หากหมดสติให้นำส่งโรงพยาบาล ถ้าชักช้าอาจอันตรายถึงชีวิต |
เราจะทราบว่าเป็นโรคเบาหวานหรือไม่ โดย
• | ไปพบเพทย์ตรวจหาน้ำตาลในเลือด | |
• | ตรวจหาน้ำตาลในปัสสาวะ |
ข้อปฏิบัติในการมาเจาะเลือด เพื่อตรวจเบาหวาน
1. | งดอาหาร และเครื่องดื่มทุกชนิด ยกเว้นน้ำดื่ม ตั้งแต่หลังเที่ยงคืนก่อนวันเจาะเลือดจนถึงเวลาเจาะเลือด | |
2. | งดฉีดกลูโคส น้ำเกลือทางเส้นเลือดหลังเที่ยงคืนจนถึงเวลาเจาะเลือด |
การรักษาเบาหวานต้องยึดสิ่งสำคัญ คือ การรักษาทางยา ควบคุมอาหาร และออกกำลังกาย ผู้ป่วยเบาหวาน ถ้าเป็นวัณโรคด้วย โรคอาจกำเริบมากขึ้น ต้องควบคุมรักษาเบาหวานโดยใกล้ชิดจากแพทย์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น